เมนู

อรรถกถานัคควรรค สิกขาบทที่ 10


วินิจฉัยในสิกขาบทที่ 10 พึงทราบดังนี้:-
ในคำว่า กฐินุทฺธารํ น ทสฺสนฺติ นี้ มีวินิจฉัยดังนี้:- การเดาะ
กฐินเช่นไรสงฆ์ควรให้ เช่นไรไม่ควรให้ คือ การเดาะกฐิน เช่นอย่างที่มี
อานิสงส์มาก มีการกรานเป็นมูล มีอานิสงส์น้อย มีการเดาะเป็นมูล ไม่ควร
ให้. แต่การเดาะกฐินเช่นอย่างที่มีอานิสงส์น้อย มีการกรานเป็นมูล มีอานิ-
สงส์มาก มีการเดาะเป็นมูล ควรให้. การเดาะกฐินแม้มีอานิสงส์เท่า ๆ กัน.
สงฆ์ก็ควรให้ทีเดียว เพื่อรักษาศรัทธาไว้.
บทว่า อานิสํสํ มีความว่า ภิกษุณีแสดงอานิสงส์เห็นปานนี้ว่า
ภิกษุณีสงฆ์มีจีวรเก่า มีลาภมาก ซึ่งมีอานิสงส์แห่งกฐินเป็นมูล แล้วห้ามเสีย
ไม่เป็นอาบัติ. คำที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน 3 เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลก
วัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต มีเวทนา 3 แล.
อรรถกถานัคควรรค สิกขาบทที่ 10 จบ
อรรถกถานัคควรรคที่ 3 จบ

ตุวัฏฏวรรคที่ 4


สิกขาบทที่ 1


เรื่องภิกษุณีหลายรูป


[258] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
สองรูปจำวัดร่วมเตียงกัน คนทั้งหลายเที่ยวเดินชมวิหาร พบเห็นแล้วพากัน
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้นอนร่วมเตียงกัน
สองรูป เหมือนหญิงชาวบ้านเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
ทั้งหลาย จึงได้จำวัดบนเตียงเดียวกันสองรูปเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่าพวกภิกษุณีจำวัดร่วมเตียงกันสองรูป จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวก
ภิกษุณีจึงได้จำวัดร่วมเตียงเดียวกันสองรูปเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่
เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .